วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

งานเลี้ยงเกษียรอายุรุ่นพี่ ช่างกลปทุมวัน การบินไทย






งานเลี้ยงเกษียรอายุรุ่นพี่ ช่างกลปทุมวัน การบินไทย
เมื่อ29 กันยายน 2554 ที่ ร้าน เพราะรัก แยกศรีสมาน ทุ่งสีกัน
ยังมีภาพอีกมากมาย มีเวลาส่งไปให้ดูกันนะครับ

สหัส50

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ประกวดพระเครื่อง พระบูชา เครื่องรางของขลัง

25 กันยายน 2554 ประกวดพระเครื่อง พระบูชา เครื่องรางของขลัง จัดโดยสำนักงานปลัดนสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ชั้น8 พันธ์ทิพย์งามวงวาน นนทบุรี
















วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

ภาพงานเลี้ยง ป๋าชรินทร์ อิ่มบุบผา เกษียร อายุราชการ จาก กทม. สิ้นเดือน กันยายนปีหน้า
ที่สวนอาหารร่มไทร พุทธมลฑลสาย2


'ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง' ชก.50 เซียนใหญ่ รู้จริง ลป.ทวด ลพ.เงิน และพระยอดนิยม


สนใจพระ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน พบกับผมได้ทุกวันครับที "ห้องพระ ช้างไห้ หลวงปู่ทวด"
ชั้น3 ห้างพันทิพย์ งามวงค์วาน นนทบุรี.





'ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง' เซียนใหญ่ รู้จริง ลป.ทวด ลพ.เงิน และพระยอดนิยม
นาที นี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อเสียง ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง หนุ่มใหญ่นิสัยดี ที่คร่ำหวอดในวงการพระเครื่องมานานปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ พระเครื่องสายใต้ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานและพระยอดนิยมทุกประเภท ได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย ให้เป็นกรรมการบริหารสายกรุงเทพฯและปริมณฑล และเป็นบรรณาธิการหนังสือพระเครื่องล้ำค่า นิตยสารที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของวงการพระเครื่องเมืองไทย
เฮีย ชัยนฤทธิ์เป็นชาว จ.ลพบุรี โดยกำเนิด เรียนจบจากช่างกลปทุมวัน (ช่างอิเล็กทรอนิกส์ บ่ายพิเศษ) ก็ล่องใต้ไปปักหลักทำธุรกิจที่ จ.สงขลา เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ประมงแต่เพียงผู้เดียวในภาคใต้ จำพวกเรดาร์ โซนาร์ เครื่องส่งสัญญาณดาวเทียม จีพีเอส ซาวเดอร์ เป็นต้น
“ก่อน หน้านี้ผมเคยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ได้รับบาดเจ็บ พระเครื่องทั้งพวงหายหมดเลย ส่วนใหญ่เป็นพระภาคกลาง พอออกจากโรงพยาบาลก็ไปซื้อสร้อยที่ร้านสุวรรณศิลป์ของ โกหมิ่น หาดใหญ่ ตอนนั้นมีสร้อยไม่มีพระ แม่ยายก็เลยวานโกหมิ่นหาพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน พิมพ์กลางอกแฟบ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาให้ ๑ องค์ น่าแปลกตั้งแต่คล้องหลวงปู่ทวด ชีวิตดีวันดีคืน เจริญรุ่งเรือง ติดต่อธุรกิจก็ราบรื่น ผู้ใหญ่รักใคร่เมตตาช่วยเหลือ ทำธุรกิจขายอุปกรณ์ประมง บริษัทแม่ก็ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผู้เดียวในภาคใต้โดยไม่ต้องผ่านการรับรอง จากธนาคาร”
กระทั่งยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตกหรือยุคไอเอ็มเอฟ มีเวลาว่างมากขึ้น ก็เลยไปนั่งคุยเรื่องพระ ส่องพระที่ร้าน ส.ท.แหลม สงขลา และร้านจุลดิศของเสี่ยโบ้ หาดใหญ่ จุดประกายให้เล่นพระจริงจัง เริ่มจากหลวงปู่ทวด ทุกรุ่นทุกพิมพ์ แล้วค่อย ๆ มาศึกษาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน และประเภทอื่น ๆ ผมโชคดีได้คนดีแนะนำ จึงได้แต่พระแท้พระสวยไม่หลงทาง พอชำนาญแล้วก็เข้ากรุงเทพฯ เปิดศูนย์พระเครื่องที่โรงแรมมณเฑียรพลาซ่าท่าพระจันทร์ ก่อนย้ายมาเปิดร้านช้างให้บางคลาน และห้องพระช้างให้ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน รับปรึกษาและคุยเรื่องพระ พูดจบ เฮียชัยนฤทธิ์ ก็หยิบพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก พ.ศ. ๒๔๙๗ พิมพ์กลางลึก พิมพ์พระรอดใหญ่ และพิมพ์เตารีดเล็กแข้งขีดออกมาให้ชม ล้วนสวยแชมป์ทุกองค์เฮียชัยนฤทธิ์ แนะนำเคล็ดลับการศึกษาพระเครื่องว่า ถ้าจะเล่นเหรียญ ต้องศึกษาวิธีการทำบล็อก รอยตัดขอบต้องจำให้แม่นยำ เล่นพระหล่อ ก็ควรศึกษาวิธีและขั้นตอนการผลิตให้เข้าใจลึกซึ้งว่าเป็นแบบไหน รวมถึงแม่พิมพ์พระด้วยว่ามีกี่แบบ กี่ขนาด ตำหนิสำคัญดูตรงไหน มวลสารมีอะไรบ้าง ซึ่งวงการพระเดี๋ยวนี้ดีเติบโตมากขึ้น พระเก่าหมดไป พระใหม่ ๆ ก็ได้รับความนิยมทดแทน ส่วนตัวผมยึดหลัก ๒ อย่าง คือ ๑. เล่นพระแท้ สวย ผิวเดิม ๒. คำนวณมูลค่าพระให้แม่นยำ ก็จะเล่นพระได้อย่างสบายใจ.








เส้นทางของนักพระเครื่อง แต่ละท่านย่อมมีความแตกต่างกันไป ตามแต่สถานภาพของท่านผู้นั้น อย่างกรณีของ ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง ผู้ชำนาญการ พระหลวงพ่อทวด ก็เช่นกัน ทั้งๆ
ที่ไม่ใช่คนปักษ์ใต้ แต่กลับได้ดิบได้ดีในเรื่องของ พระหลวงพ่อทวด จนเรียกได้ว่า เป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จทางด้านนี้ สามารถซื้อขาย พระหลวงพ่อทวด ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาสายตาคนอื่นแต่อย่างใด นับเป็น "สายตรงพระหลวงพ่อทวด" อีกคนหนึ่งของวงการพระ ที่มีพระหลวงพ่อทวดเข้าออกอยู่เสมอ ใครหาพระหลวงพ่อทวดแท้ๆ สวยๆ ที่ไหนไม่ได้ ต้องไปหาชัยนฤทธิ์ รับรองว่าจะสมหวังแน่นอน
นอกจากจะมีการ ซื้อขายพระหลวงพ่อทวดอยู่ตลอดเวลาแล้ว ชัยนฤทธิ์ยังเป็นคนหนึ่งที่สามารถขาย พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ ได้ในราคา หลักล้าน มาแล้วหลายองค์
ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง เป็นชาว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมืองที่มีพระกรุพระเก่ามากมาย แต่ไม่ได้สนใจมาก่อนเลย สมัยเด็กๆ เรียนหนังสือที่โรงเรียนวินิตศึกษา ในตัวเมืองลพบุรี แล้วไปต่อที่โรงเรียนเทคนิคลพบุรี จากนั้นไปเรียนต่อวิทยาลัยช่างกลปทุมวัน กรุงเทพฯ จนจบการศึกษา ขณะมีอายุประมาณ ๒๑ ปี
ก่อนจะจบการศึกษา มีโอกาสไปฝึกทำงานที่บริษัทผู้จัดจำหน่ายเครื่องเรดาร์สำหรับใช้ในการประมง เครื่องเรดาห์นี้ทำให้รู้ถึงทิศทางลม สภาพของลมฟ้าอากาศ และสภาพของท้องทะเล ตลอดจนสามารถสำรวจแหล่งปลาในมหาสมุทรได้อย่างแม่นยำ
ตรงจุดนี้ ทำให้ชัยนฤทธิ์เห็นช่องทางทำมาหากินได้แล้ว ดังนั้นเมื่อเรียนจบ จากช่างกลปทุมวันแล้ว จึงได้ไปขอเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องเรดาร์นี้ที่ จ.สงขลา โดยเห็นว่า ท่าเรือสงขลามีเรือประมงจำนวนมากมาขนถ่ายปลา น่าจะทำให้ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก
ซึ่งก็เป็นความจริง หลังจากที่นำเทคโนโลยีอันใหม่นี้ไปเผยแพร่ที่ จ.สงขลา ทำให้บรรดาเจ้าของเรือประมงหันมาใช้เครื่องเรดาร์นี้กันอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นของใหม่ ที่ไม่เคยมีการนำมาใช้ในวงการเรือประมงภาคใต้มาก่อน ทำให้กิจการค้าขายเครื่องเรดาร์ของชัยนฤทธิ์ ประสบความสำเร็จ ตามที่คาดหมายไว้ทุกประการ จนมีการขยายกิจการไปยัง จ.ปัตตานี อีกแห่งหนึ่ง
วัน หนึ่ง...หลังจากที่ไปดูแลกิจการร้านขายเรดาร์ ที่ จ.ปัตตานี พอดีพบเพื่อนเก่าจากช่างกลปทุมวันด้วยกัน เลยมีการเลี้ยงฉลองกันอย่างสนุกสนาน จนมืดค่ำ ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน สมัยนั้นเส้นทางสายสงขลา-ปัตตานี ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างทุกวันนี้ การขับรถกลับสงขลาในยามค่ำคืน ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งชัยนฤทธิ์ก็ขับรถไปมาด้วยตนเองเป็นประจำ ไม่ว่าจะมืดค่ำแค่ไหนก็ตาม แต่คืนวันนั้น...พอขับรถมาถึงเขต อ.จะนะ จ.สงขลา ท่ามกลางฝนตกหนัก จนมองไม่เห็นถนน ทำให้รถเสียหลัก พุ่งออกนอกเส้นทาง ไปเข้าชนประตูโรงงานแห่งหนึ่งอย่างแรง รถพังยับเยิน ตัวเองก็สลบเหมือด พอรู้สึกตัวปรากฏว่า ข้าวของที่ติดตัวโดนชาวบ้านผู้ประสบพบเหตุการณ์ ช่วยกันถอดเอาไปจนหมดตัว โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำหนักหลายบาท ถูกถอดเอาไปด้วย หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล จนหายเป็นปกติดีแล้ว "คุณแม่ยาย" บอกว่า ถ้าจะซื้อสร้อยทองเส้นใหม่ ให้ไปหา "โกหมิ่น" ห้างทองสุวรรณศิลป์ ที่หาดใหญ่ เพราะเป็นคนที่รู้จักสนิทสนมกันดี จะได้ทองเต็มเปอร์เซ็นต์ ชัยนฤทธิ์ก็ไปหา "โกหมิ่น" ตามคำบอกกล่าวของคุณแม่ยาย "โกหมิ่น" แนะนำว่า ในฐานะที่ชัยนฤทธิ์เป็นคนต่างถิ่น มาหากินทางปักษ์ใต้ จึงควรจะหา พระหลวงพ่อทวด เอาไว้ติดตัวบ้างก็จะเป็นการดี เพราะหลวงพ่อทวดเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ที่ชาวปักษ์ใต้เคารพนับถือกันมาก ท่านสามารถคุ้มครองป้องกันภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเดินทาง คนที่มี พระหลวงพ่อทวด ติดตัวจะไม่ประสบพบเหตุร้ายแรงใดๆ อย่างแน่อน พร้อมกันนั้น "โกหมิ่น" ก็ได้กรุณาแบ่ง พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ พิมพ์กลาง อกแฟบ ให้ชัยนฤทธิ์ ๑ องค์ ในราคากันเอง คือเพียง ๑.๗ หมื่นบาทเท่านั้น นับว่าถูกมาก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ชัยนฤทธิ์มีพระหลวงพ่อทวด องค์แรกในชีวิต ติดตัวตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา






หลังจากที่มีพระหลวงพ่อทวด ติดตัวอยู่เป็นประจำแล้ว ก็ไม่เคยประสบพบเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ อีกเลย ขณะเดียวกัน กิจการค้าก็เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปอีก จึงทำให้ชัยนฤทธิ์มีความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของ พระหลวงพ่อทวด อย่างสนิทใจ
ความสนใจในจุดนี้เองที่ทำให้ชัยนฤทธิ์ เริ่มศึกษาเรื่องราวของ หลวงพ่อทวด อย่างจริงจัง เริ่มจากประวัติความเป็นมาของท่าน มาจนถึงการจัดสร้าง พระหลวงพ่อทวด โดย ท่านพระอาจารย์ทิม เจ้าอาวาสวัดช้างให้ จ.ปัตตานี พระบริสุทธิสงฆ์ผู้อยู่ในหัวใจของชาวปัตตานี และชาวใต้มาเป็นเวลาช้านาน
พร้อมกันนั้นชัยนฤทธิ์ก็เริ่มเช่าหาพระหลวงพ่อทวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้คนในครอบครัว ได้ใช้ติดตัวกันจนครบทุกคน
จากการที่ได้สะสมพระหลวงพ่อทวด ไว้มากพอสมควร พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจาก "โกหมิ่ น" ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูพระหลวงพ่อทวดได้เฉียบขาดมากท่านหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ทำให้ชัยนฤทธิ์เรียนรู้ถึงรายละเอียดของพระหลวงพ่อทวดได้อย่างครบถ้วน ทุกรุ่นทุกเนื้อ จนสามารถเช่าหาพระหลวงพ่อทวดได้ด้วยตนเอง โดยมีแหล่งซื้อขายกันที่ตัวเมืองสงขลา หาดใหญ่ ปัตตานี ฯลฯ จนมีเพื่อนฝูงมากมายในแวดวงพระเครื่องเมืองใต้ด้วยกัน
ชัยนฤทธิ์ เล่าว่า "เมื่อมีชั่วโมงบินมากขึ้น ผมเห็นว่า การซื้อขายพระหลวงพ่อทวด เป็นธุรกิจอย่างหนึ่งที่มีอนาคตสดใส เพราะทุกวันนี้มีผู้สนใจพระหลวงพ่อทวดกันมากขึ้น จึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปเซ้งแผงพระที่สนามพระท่าพระจันทร์ เป็นแห่งแรกในสนามพระเมืองหลวง เรียกว่าห้าวหาญเอาการทีเดียว ปรากฏว่ากิจการไปได้สวยมาก จนหาพระป้อนลูกค้าแทบไม่ทัน ต้องบินกลับไปหาดใหญ่สงขลาบ่อยๆ เพื่อหาพระขึ้นมาขายที่กรุงเทพฯ มาถึงตรงนี้ลูกค้าจะบอกกันปากต่อปาก ว่าพระหลวงพ่อทวดที่ได้ไปจากผม เป็นพระสวยแท้ดูง่าย และที่สำคัญคือราคาไม่แพง พระทุกองค์ผมออกใบรับประกันให้เสมอ หากมีปัญหา ไม่พอใจไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ผมยินดีรับคืนทันที แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครเอาพระหลวงพ่อทวดมาคืนผมเลย นอกจากจะมาซื้อเพิ่มขึ้นเท่านั้น"
หลังจากประสบความสำเร็จจาก สนามพระท่าพระจันทร์ ชัยนฤทธิ์ก็เริ่มขยายสาขา โดยไปเปิดร้านที่ ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซ่า ถนนสุรวงศ์ ในตอนเย็นถึงค่ำ เพราะที่นั่นเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของลูกค้าอีกระดับหนึ่ง ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ก็ได้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น
ต่อมาเมื่อ ชมรมพระเครื่องมรดกไทย บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน ได้ขยายพื้นที่มากขึ้น ชัยนฤทธิ์จึงมาเปิดร้าน "ช้างให้ บางคลาน" ขึ้นที่นี่อีกแห่งหนึ่ง ทำให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้นไปอีก ในฐานะที่เป็น ร้านพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ สายตรงที่มี พระหลวงพ่อทวด แท้ๆ ไว้บริการตลอดเวลา
(ต่อจาก ฉบับวันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม) หลังจากประสบความสำเร็จจาก สนามพระท่าพระจันทร์ แล้ว ชัยนฤทธิ์เริ่มขยายสาขา โดยไปเปิดร้านที่ ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซ่า ถนนสุรวงศ์
ในตอนเย็นถึงค่ำ เพราะที่นี่เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของลูกค้าอีกระดับหนึ่ง ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ก็ได้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น
ต่อมาเมื่อ ชมรมพระเครื่องมรดกไทย บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ได้ขยายพื้นที่กว้างขึ้น ชัยนฤทธิ์จึงมาเปิดร้าน "ช้างให้ บางคลาน" ขึ้นที่นี่อีกแห่งหนึ่ง โดยนำชื่อของ วัดช้างให้ กับ วัดบางคลาน (หลวงพ่อเงิน) มารวมกัน
ตรงจุดนี้ ทำให้ชื่อของชัยนฤทธิ์เป็นที่รู้จักของลูกค้าอย่างกว้างขวางมากขึ้นไปอีก ในฐานะที่เป็น ร้านพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ สายตรงที่มี พระหลวงพ่อทวด แท้ๆ แทบทุกรุ่น ไว้บริการตลอดเวลา






ขณะเดียวกัน ชัยนฤทธิ์ได้จัดทำนิตยสารพระเครื่องขึ้นมาฉบับหนึ่ง เป็นของตนเองโดยเฉพาะ ชื่อว่านิตยสาร "พระเครื่องล้ำค่า" เป็นนิตยสารรายเดือน พิมพ์สี่สีทั้งฉบับ โดยมี คุณอุทัยวรรณ พันธุ์ทอง ศรีภรรยา เป็นผู้ดูแล พร้อมกับทีมงานที่ล้วนเป็นลูกหลานจาก จ.สงขลา ชวนกันขึ้นมาทำงาน
ช่วงแรกๆ ไม่มีใครเป็นงานด้านนี้มาก่อน ต้องช่วยกันฝึกฝน จนทุกวันนี้มีความชำนาญงานพอสมควร ถ่ายรูปได้ เขียนข่าวเป็น จัดรูปเล่มวางรูปวางเรื่องได้อย่างสวยงามและลงตัว นับเป็นการสร้างงานให้แก่ลูกหลาน และน้องๆ ชาวใต้ด้วยกัน ได้ทำงานมีเงินทองใช้จ่ายโดยทั่วกัน ขณะเดียวกันก็ได้ฝึกสายตาในการดูพระเครื่องประเภทต่างๆ ไปในตัวด้วย
นิตยสาร "พระเครื่องล้ำค่า" วางจำหน่ายมาจนถึงทุกวันนี้เป็นฉบับที่ ๖๙ เป็นเวลานานกว่า ๖ ปีแล้ว นับเป็นนิตยสารพระเครื่องอีกฉบับหนึ่งที่มีเนื้อหาสาระดีมีคุณค่า เพราะลงแต่ภาพ พระแท้ ให้ได้ศึกษา และเช่าหากันอย่างมากมาย ในราคาที่เป็นธรรม ทำให้นิตยสารฉบับนี้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่านทั่วประเทศในระยะเวลาอัน สั้น
ขณะเดียวกัน ชัยนฤทธิ์ก็ได้จัดทำ หนังสือเฉพาะกิจ ออกวางจำหน่ายมาแล้ว ๕ เล่ม เป็นหนังสือปกแข็งได้มาตรฐาน หนากว่า ๓๐๐ หน้า พิมพ์สี่สี ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี จำหน่ายเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท ปรากฏว่า ทุกเล่มประสบความสำเร็จ ขายดีจนต้องพิมพ์ครั้งที่ ๒ ก็มี
หนังสือเฉพาะกิจเล่มแรก คือ พระหลวงพ่อทวด ฉบับสมบูรณ์ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เป็นการรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ หลวงพ่อทวด พระอริยสงฆ์เจ้าสมัยกรุงศรีอยุธยา ไว้อย่างละเอียด รวมทั้งประวัติ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ผู้สร้าง พระหลวงพ่อทวด เป็นครั้งแรกขึ้นเมื่อปี ๒๔๙๗
นอกจากนี้ยังมี ภาพพระหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆ ที่พระอาจารย์ทิมได้ปลุกเสกไว้ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๗ จนถึงปี ๒๕๑๑ อันเป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไปเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๒
หนังสือเล่มนี้ ชัยนฤทธิ์ ได้ทุ่มเททั้งสติปัญญา กำลังกายกำลังใจ และเวลาเป็นแรมปี เพื่อเสาะหาประวัติอย ่างละเอียด ตลอดจนไปสัมภาษณ์จากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทำให้ได้ข้อมูลมาอย่างสมบูรณ์มาก
ขณะ เดียวกันก็ได้ภาพประวัติศาสตร์ หลวงพ่อทวด และ พระอาจารย์ทิม มากเป็นพิเศษอีกด้วย รวมทั้งภาพ พระหลวงพ่อทวด ครบถ้วนทุกรุ่นทุกพิมพ์ทุกเนื้อ อันเป็นพระหลวงพ่อทวดที่พระอาจารย์ทิมได้ปลุกเสกไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน ชาวไทยผู้มีความศรัทธาเลื่อมใสได้เอาไว้สักการบูชา...จนทุกวันนี้
ความ ครบถ้วนสมบูรณ์ของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการจัดรูปเล่มการวางหน้าหนังสือที่อ่านง่าย และสวยงาม ทำให้ได้รับรางวัล หนังสือดีเด่นแห่งปี ๒๕๔๖ ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ โดยได้รับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงส่ง และความภาคภูมิใจของชัยนฤทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
หนังสือเฉพาะกิจเล่มที่ ๒ คือ "พระเครื่องล้ำค่าเมืองใต้" เป็นการรวม ภาพพระเครื่องของเมืองใต้ครบทั้ง ๑๔ จังหวัด ซึ่งยังไม่เคยมีใครจัดทำได้อย่างสมบูรณ์และสวยงามมาก่อนหน้านี้ แม้แต่ จ.สตูล ซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ และมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ยังมีวัดพุทธที่มีเหรียญเก่าแก่ออกเมื่อปี ๒๔๘๓ คือ เหรียญพระพุทธรูป วัดชนาธิปเฉลิม สร้างโดย หลวงพ่อเปลื่อง ปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ จ.พัทลุง ชัยนฤทธิ์ก็ได้เดินทางไปค้นคว้าเสาะหาข้อมูลมาลงไว้ในหนังสือเล่มนี้
ท่านที่ต้องการศึกษา พระเครื่อง ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ต้องหาหนังสือเล่มนี้ไว้เป็นคู่มือ
หนังสือ เฉพาะกิจเล่มที่ ๓ คือ "คัมภีร์ล้ำค่าจตุคามรามเทพ" เล่มนี้ออกมาต้อนรับกระแสนิยม จตุคามรามเทพ ช่วงปี ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงนี้กระแสนิยมจะแผ่วเบาลงแล้วก็ตาม แต่คุณค่าของหนังสือเล่มนี้ยังมีอยู่อย่างครบถ้วน อีก ๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า จตุคามรามเทพ จะมีวงจรครบวาระหวนกลับมาดังอีกครั้งหนึ่ง ลูกหลานในวันนั้น ที่เพิ่งหันมาสนใจวัตถุมงคล จตุคามรามเทพ ก็จะได้ใช้เป็นคู่มือในการค้นหาศึกษาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
หนังสือ "คัมภีร์ล้ำค่าจตุคามรามเทพ" เล่มนี้ได้รับ รางวัลหนังสือดีเด่น จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๑ อีกเล่มหนึ่ง โดยได้รับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เช่นกัน
หนังสือเฉพาะกิจเล่มที่ ๔ คือ หนังสือ "พระองค์ครูหลวงพ่อทวด" เล่ม ๑ เป็นการรวมประวัติ และ ภาพพระหลวงพ่อทวด เฉพาะ พระบูชา เนื้อว่าน เนื้อปูน และ ภาพพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน ครบทุกพิมพ์ โดยคัดเอาเฉพาะองค์ที่สวยคมชัด ทั้งพิมพ์ทรงองค์พระ และเนื้อหามวลสาร เพื่อให้เป็น "พระองค์ครู" หรือพระองค์ตัวอย่างสำหรับเป็นแนวทางในการศึกษาหาความรู้ชนิด "เจาะลึกพระหลวงพ่อทวด" อย่างแท้จริง
หนังสือเฉพาะกิจ เล่มที่ ๕ คือ หนังสือ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต พระอริยสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพสักการะและเทิดทูนของชาว จ.ภูเก็ต และชาวใต้ทุกคนตลอดมา ในฐานะผู้นำในการปราบกบฏอั้งยี่ที่ก่อกวนความสงบสุขในเมืองภูเก็ต เมื่อปี ๒๔๑๙ จนพวกอั้งยี่พ่ายแพ้ไปในที่สุด
ในเวลาต่อมา ทางวัดฉลองได้มีการสร้าง พระหลวงพ่อแช่ม ขึ้น ภายหลังจากที่หลวงพ่อได้มรณภาพไปแล้วเมื่อปี ๒๔๕๑ โดยมีการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อปี ๒๔๘๖ และมีการสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ เป็นระยะๆ จนถึงทุกวันนี้ ปรากฏว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อแช่ม ทุกรุ่นล้วนได้รับความนิยมแสวงหากันอย่างกว้างขวาง
หนังสือ หลวงพ่อแช่ม ฉบับสมบูรณ์ ของชัยนฤทธิ์เล่มนี้ มีข้อมูลทั้งเรื่องประวัติวัด ประวัติหลวงพ่อแช่ม และรายละเอียดของการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ของหลวงพ่อแช่ม ไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ขณะนี้หนังสือเล่มนี้กำลังวางจำหน่ายอยู่ (สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๑๔๔๖-๐๙๗๖)
หลักการศึกษา และ พิจารณาพระหลวงพ่อทวด สำหรับผู้ริเริ่มให้ความศรัทธาสนใจนั้น ชัยนฤทธิ์แนะนำว่า
"อันดับแรก คือ พิมพ์พระ จะต้องพิจารณาให้ออกว่าเป็นพระพิมพ์อะไร แต่ละพิมพ์แยกย่อยเป็นพิมพ์อะไรบ้าง เช่น พิมพ์ใหญ่ หัวมีขีด พิมพ์ใหญ่ ไหล่จุด ฯลฯ อันดับต่อไป คือ เป็นพระถอดพิมพ์หรือไม่ ถ้าเป็นพระถอดพิมพ์ หรือพระปลอม พิมพ์ทรงองค์พระจะขาดความคมชัด ไม่เหมือนองค์จริง พระปลอมขนาดองค์พระจะไม่เท่ากับพระแท้ ไม่ใหญ่กว่าก็ต้องเล็กกว่า และอันดับสุดท้ายที่ต้องจดจำให้แม่น คือ เนื้อหามวลสารพระหลวงพ่อทวด ซึ่งสร้างจากเนื้อว่าน ๑๐๘ ปูนขาว กล้วยป่า ผงขี้ธูป ดินกากยายักษ์ ดอกไม้แห้ง น้ำว่าน ๑๐๘ น้ำพระพุทธมนต์ เมื่อส่องดูด้วยแว่นขยาย จะพบเห็นเม็ดแร่สีขาวขุ่น สีดำ สีขาวอมเหลือง สีน้ำตาล และเม็ดทรายสีขาว และผงวิเศษ ซึ่งจะปรากฏมากทางด้านหลังขององค์พระ"
นอกจากนี้ ชัยนฤทธิ์ยังได้แนะนำว่า องค์ประกอบของพระหลวงพ่อทวด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน หรือพิมพ์ไหนก็ตาม หากได้ศึกษาจากหนังสือที่มีภาพพระหลวงพ่อทวดขนาดใหญ่พอสมควร และเป็นภาพที่มีความคมชัดมาก ก็จะสามารถเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนชัดเจน
สำห รับหนังสือ "พระองค์ครูหลวงพ่อทวด" ผลงานล่าสุดของชัยนฤทธิ์ ยังได้ก้าวไกลไปอีกขั้นหนึ่ง โดยถ่ายภาพองค์พระหลวงพ่อทวดไว้ถึง ๕ ด้าน คือ ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้างซ้าย ด้านข้างขวา และด้านล่าง ทำให้เห็นมิติขององค์พระได้อย่างครบถ้วนทุกด้าน อันเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้สนใจพระหลวงพ่อทวด เข้าใจในพิมพ์ทรงองค์พระได้อย่างถูกต้องยิ่งๆ ขึ้น เมื่อมีโอกาสได้พบเห็นพระองค์จริงบ่อยๆ ก็จะสามารถพิจารณาได้ว่า เป็นพระแท้หรือพระปลอมกันแน่






ชัยนฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า "อนาคตของพระหลวงพ่อทวด ยังคงสดใสไปอีกนาน เพราะทุกวันนี้ มีผู้เริ่มให้ความสนใจเพิ่มขึ้น ในขณะที่พระหลวงพ่อทวด (เฉพาะที่พระอาจารย์ทิมปลุกเสก) มีจำนวนเท่าเดิม จึงเกิดการแสวงหามากขึ้นกว้างขึ้น และราคาก็แพงขึ้นด้วย สมัยก่อนเซียนพระส่วนกลาง (กทม.) ยังจับจุดพระหลวงพ่อทวดของแท้ไม่ได้ ทำให้ไม่รู้ว่า ต้องพิจารณาตรงไหนบ้าง การเช่าหาพระหลวงพ่อทวดจึงยังไม่กว้างขวาง ซื้อไปทีไรกลายเป็นพระปลอมทุกที เป็นเช่นนี้บ่อยๆ ก็ท้อใจ แต่ทุกวันนี้เซียนพระในกรุงเทพฯจำนวนมาก ได้ข้อยุติในการพิจารณาพระหลวงพ่อทวดกันแล้ว ทำให้กล้าซื้อในวงที่กว้างขึ้น แม้แต่พระหลวงพ่อทวดที่มีราคาแพงๆ ก็กล้าซื้อ เพราะซื้อมาขายไปย่อมมีกำไรเสมอ พระแท้เอาไปให้คนที่ดูพระเป็น จะบอกตรงกันว่าเป็นพระแท้วันยังค่ำ และสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เสมอ
ทุกวันนี้...นอกจากชัยนฤทธิ์จะมีร้านพระ และนิตยสารพระของตนเอง รวมทั้งการจัดทำหนังสือเฉพาะกิจอย่างต่อเนื่องแล้ว กิจกรรมอย่างหนึ่งของชัยนฤทธิ์คือ การมีส่วนร่วมในการจัดงานประกวดพระอยู่เป็นประจำ เพราะความมีน้ำใจกว้างใหญ่ไพศาล ระดับ "เศรษฐีน้ำใจ" ก็ว่าได้ จึงทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระให้ความเคารพรักนับถือชัยนฤทธิ์กันโดย ทั่วไป
งานประกวดพระครั้งไหนก็ตาม หากมีชัยนฤทธิ์ให้ความร่วมมือ หรือเป็นผู้ประสานงานด้วยแล้ว งานประกวดพระครั้งนั้น จะต้องมียอดจำหน่ายกล่องพระ (บัตรลงทะเบียนพระ) สูงกว่า ๒ ล้านบาทเสมอ
ล่าสุด...เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคมที่ผ่านมา งานประกวดพระของ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง กองทัพเรือ ที่ชั้น ๘ อาคารพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน มียอดรายได้รวมทั้งหมดถึง ๔ ล้านบาท เฉพาะค่าจำหน่ายกล่องพระ (บัตรลงทะเบียนพระ) มียอดสูงถึง ๒.๔๕ ล้านบาท
สำหรับตำแหน่งงานในวงการพระที่ผ่านมา ชัยนฤทธิ์เป็นอดีต ประธานชมรมพระเครื่องเมืองสงขลา ส่วนในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย (ที่มี พยัพ คำพันธุ์ เป็นนายกฯ) และเป็น รองประธานชมรมนักข่าวและช่างภาพพระเครื่อง (ที่มี สมศักดิ์ ศกุนตนาฏ เป็นประธานชมรมฯ)
และเพื่อเป็นการทดแทนพระคุณของแผ่นดินถิ่นกำเนิด ชัยนฤทธิ์จึงได้เชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระ ไปร่วมบุญจัดสร้าง วิหารจตุรมุข พร้อมทั้งหล่อรูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของ หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เมื่อ ๒ ปีก่อน ขณะนี้งานก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ และได้ประกอบพิธีเปิดไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ โดยเสียค่าก่อสร้างทั้งหมด ๔ ล้านกว่าบาท นับเป็นผลงานที่ชัยนฤทธิ์ภาคภูมิใจมาก
ในแวดวง เซียนพระสายหลวงพ่อทวด ทุกวันนี้ ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง อาจจะไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่หากมีการจัดอันดับ ๑ ถึง ๑๐ สุดยอดเซียนพระสายหลวงพ่อทวดกันขึ้นมาแล้ว ย่อมต้องมีชื่อของ "ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง" รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน








ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น3 งามวงศ์วาน นนทบุรี

Amulet Thai Heritage Community

3 fl. Pantip Plaza, NgamWongWan Nonthaburi 92630 Thailand.

เข้าไปดูในเวบ http://www.amuletking.com/ มีเบอร์โทรไปคุยเลยครับ

สนใจพระ ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน
กรุณาติดต่อ คุณชัยนฤทธิ์ 081 941 4545 คุณตุ๊ 087 930 6868 คุณตี๋ 081 286 9421
ภาพโดยคุณสหัส50 Sahat Sirikate 施立傑 Email: sahat@psb.in.th

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

มหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา-พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์ ของกองทัพภาคที่2



มหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา-พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์ ของกองทัพภาคที่2
ณ ห้อง MCC Hall ชั้น3 ห้างThe Mall อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554
พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพกองทัพภาคที่2 ประธานคณะกรรมการอำนวยการ
นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คณะกรรมการจัดงาน






คุณชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง และคณะกรรมการจัดงาน
สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย






นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คณะกรรมการจัดงาน



พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพกองทัพภาคที่2 ประธานคณะกรรมการอำนวยการ



มหกรรมการประกวดอนุรักษ์พระบูชา-พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์ ของกองทัพภาคที่2
ณ ห้อง MCC Hall ชั้น3 ห้างThe Mall อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554












ภาพโดยคุณสหัส50
Sahat Sirikate 施立傑
Email: sahat@psb.in.th